บทที่ 5
สรุปโครงการ
ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่าง
การจัดทำโครงการ (Programming Stage) กับขั้นตอนการออกแบบ
(Design Stage) ซึ่งเป็นการสรุปเนื้อหา
และวิเคราะห์เพื่อเริ่มต้นการออกแบบ
สิ่งที่นำเสนอเป็นการสรุปข้อมูลเพื่อให้เข้าใจภาพรวมของโครงการทั้งหมด
ทั้งพื้นที่ใช้สอยโครงการ และที่ตั้งโครงการ
และการนำข้อมูลทุกด้านมาวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ในการออกแบบ และนำไปออกแบบขั้นต้น
การสรุปโครงการคือ
การสรุปประเด็นปัญหาเพื่อการออกแบบ
คือโจทย์ที่ให้สถาปนิกค้นหาในขั้นตอนการออกแบบ โดยจะต้องสอดคล้องกับแนวความคิดในการออกแบบ
และไม่ทำให้เกิดการหลงประเด็นในการออกแบบ
โดยจะต้องสอดคล้องกับแนวความคิดโครงการ เป้าหมายโครงการ และอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย
โดยการพิจารณาในส่วนของบทสรุปของโครงการจะมีหัวข้อในการพิจารณาดังนี้
1.สรุปภาพรวมโครงการ (Project
Summary)
2.การวิเคราะห์ความสัมพันธ์พื้นที่อาคารและที่ตั้งอาคาร
(Site Related to Area Analysis)
3.โจทย์เพื่อการออกแบบ (Design Problems)
4.การออกแบบทางเลือก (Schematic
Design)
5.1สรุปภาพรวมโครงการ(PROJECT SUMMARY)
การสรุปภาพรวมของโครงการเป็นการนำเสนอรายละเอียดโครงการโดยสรุป
เพื่อให้ผู้ออกแบบสามารถนำไปใช้ในการออกแบบเบื้องต้นได้
และเพื่อให้ผู้อ่านที่สนใจเฉพาะส่วนออกแบบได้รับข้อมูลโดยสั้นๆในส่วนนี้
โดยรายละเอียดในส่วนนี้ได้แก่ พื้นที่ใช้สอยโครงการ ความสัมพันธ์ของหน้าที่ใช้สอยในโครงการ
รายละเอียดที่ตั้งโครงการ และงบประมาณการลงทุน
5.1.1พื้นที่โครงการ(Area Requirement)
การสรุปพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่สนับสนุนต่างๆของโครงการแยกตามองค์ประกอบหลักของโครงการ
5.1.3ที่ตั้งโครงการ(Site)
1.แผนที่ตั้งโครงการ(Location Map)
เนื่องจากอำเภอหัวหินได้มีโครงการจัดทำAquariumเพื่อนสนับสนุนการท่องเที่ยวและการอำเภอหัวหิน
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในประเทศไทย
มีทั้งหมด 20 ที่
อยู่ในบริเวณภาคเหนือ 4 ที่
อยู่ในบริเวณภาคตะวันออก 4 ที่
อยู่ในบริเวณภาคตะวันตก 1 ที่
อยู่ในบริเวณกลาง 7 ที่
อยู่ในบริเวณภาคใต้ 4 ที่
SITE01
พื้นที่ประมาณ 36,800ตรม.หรือ 23 ไร่
SITE01ใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์
30 นาที มีหาดและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คึกคักมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ
อยู่ใกล้สนามบินท่องเที่ยวและจุดพักรถทั่ว
พื้นที่site
23 ไร่
23 x 1,600 = 36,800 ตร.ม
OSR 40 % = 36,800 x 0.4
= 14,720ตร.ม
พื้นที่อาคารรวม =
14,720x2
= 29,440
FAR = 14,720/2
= 7,360
36,800/7360 = 1:0.5
FAR = 1:0.5
สรุป
ขนาดพื้นที่ตั้ง 23 ไร่
Floor
Area Ration 1 : 0.5
Open
Space Ration 40 %
ตารางสรุปพื้นที่โครงการ
ส่วนองค์ประกอบหลัก
|
13,598.8 ตร.ม
|
ส่วนองค์ประกอบรอง
|
1451 ตร.ม
|
ส่วนสนับสนุนโครงการ
|
936 ตร.ม
|
ส่วนบริหารโครงการ
|
215 ตร.ม
|
ส่วนบริการโครงการ
|
6193 ตร.ม
|
ส่วนจอดรถ
|
2900 ตร.ม
|
พื้นที่โครงการทั้งหมด+ที่จอดรถ
|
25787.8 ตร.ม
|
พื้นที่โครงการไม่รวมที่จอดรถ
|
22,887.8 ตร.ม
|
5.3โจทย์เพื่อการออกแบบ(DESIGN PLOBLEM)
การจัดวางอาคารให้เหมาะสมกับอาคารรอบข้าง
เนื่องจากพื้นที่ตั้งโครงการมีลักษณะที่ติดทะเลและมีถนนเข้าโครงการเพียงแค่ทางเดียวทำให้มีข้อจำกัดในการวางพื้นที่โครงการ
ดังนั้นการวางพื้นที่โครงการจึงควรเหลือพื้นที่ว่าง
และไม่ควรขึ้นอาคารที่มีความสูงมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดการบดบังของอาคาร
และก่อให้เกิดมุมมองที่ไม่ดีเกิดขึ้น
เนื่องจากโครงการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฝั่งทะเลอันดามันจังหวัดกระบี่ทำให้โครงการต้องมีความทันสมัยและรูปแบบทางสถาปัตยกรรมตอบสนองต่อพื้นที่โครงการการและสภาพแวดล้อม
5.4การออกแบบทางเลือก (SCHEMATIC DESIGN)
การอกกแบบทางเลือก เป็นการศึกษาถึงการวางตำแหน่งของกลุ่มพื้นที่โครงการ หรือองค์ประกอบต่างๆโครงการ
ตามความเหมาะสมกับความสัมพันธ์ของทางสัญจร
กิจกรรมและสภาพเงื่อนไขต่างๆ ของที่ตั้งโครงการ
โดยการศึกษาการวางผังบริเวณ (LAY- OUT) ของโครงการและการวางตำแหน่งของกลุ่มพื้นที่
(ZONE) หรือองค์ประกอบโครงการต่างๆ รวมทั้งทางเข้า-ออก ระบบจราจรที่ว่างตามกฎหมาย ที่ว่างภายนอกตามโปรแกรม
ที่พิจารณาได้จากสรุปภาพรวมโครงการ ที่ได้ทำไว้แล้วก่อนหน้านี้คือ
1. เงื่อนไขของที่ตั้งโครงการที่ได้วิเคราะห์ (SITE CONDITION)
2. ลำดับสำคัญของการเข้าถึงตามผังความสัมพันธ์ของหน้าที่ใช้สอย (FUNCTIONAL DIAGRAM)
3. พื้นที่ใช้สอยโครงการ (AREA) ในแต่ละองค์กระกอบโครงการ
(ZONE)
4. สัดส่วนพื้นที่ใช้สอยโครงการกับที่ตั้งโครงการ ขนาดพื้นที่ต่อชั้น จำนวน ขั้น
การออกแบบทางเลือก เป็นการออกแบบโดยนำพื้นที่คร่าวๆ
มาให้ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับหัวข้อข้างต้นแล้ว
วางลงในผังบริเวณโครงการ และมีจำนวนชั้นโดยคร่าวๆ แล้วพัฒนารูปแบบการวางผังให้เหมาะสม และได้รูปแบบที่ดีที่สุด จาก 1 ไป 2 และ 3 ตามลำดับ
โดยสอดคล้องกับการแก้ปัญหาเพื่อการออกแบบให้ได้มากที่สุด เมื่อได้ ZONING
LAY-OUT ที่เหมาะสมแล้ว ก็จะนำไปใช้ในการออกแบบภาค DESIGN ต่อไป
5.4.1 การวางผังบริเวณ 3 ทางเลือก(Zoning Lay-out)
การออกแบบแนวทางการจัดวางผัง 3ทางเลือกนี้เป็นการพัฒนาการจัดวาง Zoning
ลงภายในที่ตั้งโครงการโดยตอบรับกับสัดส่วนของแต่ละพื้นที่ใช้สอยของแต่ละองค์ประกอบ
โดยอ้างอิงถึงการวิเคราะห์ที่ตั้งโครงการในหัวข้อต่างๆในข้างต้น ดังนั้นการออกแบบZoning
ในขั้นตอนสุดท้ายจะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
ที่จะนำไปใช้ในการออกแบบในขั้นตอนการออกแบบทางเลือก (Schematic Design)โดยทั่วไปจะมีเกณฑ์ในการร่วมพิจารณาในการออกแบบ ดังนี้
ความเหมาะสมของการเข้าถึง(Accessibility)
ความเหมาะสมของทิศทางแดด
และลม(Orientation)
ความเหมาะสมของการสัญจรหรือการสัญจรหลักภายใน(Circulation)
ความเหมาะสมของสภาพรอบด้าน(Surrounding)
ความเหมาะสมของมุมมองจากภายนอก(View to Site)
ความเหมาะสมจากมุมมองภายใน(View
from Site)
ความเหมาะสมของการเน้นทางเข้า(Approach)
ความเหมาะสมของการเชื่อมต่อโครงการกับสถานที่อื่น(Linkage)
รายละเอียดของการจัดวางผังบริเวณ
3ทางเลือกมีรายละเอียดดังนี้
zoning
|
มุมมองภายนอก
|
มุมมองภายใน
|
สาธารณูปโภค-สาธารณูปการ
|
การเข้าถึงโครงการ
|
ความสัมพันธ์ของFunction
|
|
A
|
A
|
B
|
A
|
C
|
85
|
|
A
|
B
|
B
|
A
|
A
|
90
|
|
A
|
B
|
B
|
A
|
B
|
85
|
Schematic
5.4.2การออกแบบร่างทางเลือก (Schematic Design)
การออกแบบร่างทางเลือกเป็นการออกแบบโดยการนำผังบริเวณอันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดมาใช้ในการออกแบบร่างทางเลือก
โดยมีพื้นที่ใกล้เคียงตามมาตราส่วน และแก้ไขปัญหาในการออกแบบ
โดยพิจารณาทั้งในส่วนของระนาบ(Plan) รูปร่าง(Shape) รูปทรง(Form) ที่ว่าง(Space)และแนวคิดในการออกแบบ(Design
Concept) หลังจากพิจารณาข้อดีข้อเสียของทั้ง3 แบบร่าง
จึงนำแบบร่างที่เหมาะสมที่สุดที่ได้จากการออกแบบทางเลือก(Schematic Design) จะนำไปพัฒนาแบบร่าง (Design Development) ในรายละเอียดทางด้านหน้าที่ใช้สอย ด้านขนาดพื้นที่ ด้านรูปแบบอาคาร
งานระบบ และด้านอื่นๆอีกต่อไป โดยหลักเกณฑ์ในการร่วมพิจารณามีดังนี้
ความเหมาะสมของกลุ่มผู้ใช้โครงการ(User)
ความเหมาะสมในการจัดกิจกรรมต่างๆ(Activity)
ความเหมาะสมในการให้บริการ(Service)
ความเหมาะสมในการจัดระบบรักษาความปลอดภัย(Security)
ความเหมาะสมในการจัดเส้นทางสัญจร(Circulation)
ความเหมาะสมกับจินตภาพตามแนวความคิด(Image)
ความเหมาะสมในการแบ่งระยะโครงการ(Phasing)
ความเหมาะสมในการใช้ระบบอาคารที่เลือก(Building
System)
ความเหมาะสมในการเลือกเทคโนโลยีพิเศษ(Specific
Technology)
ความเหมาะสมในการควบคุมคุณภาพและค่าก่อสร้างอาคาร(Quality
Control)
ความเหมาะสมในการควบคุมอนุรักษ์พลังงานในอาคาร(Energy
Conservation)
ความเหมาะสมในกรกลมกลืนเข้ากับสภาพแวดล้อม(Environment)
ความเหมาะสมในการรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์(Historic
Preservation)
ความเหมาะสมในการเชื่อมต่อและเอื้อประโยชน์ให้ชุมชนใกล้เคียง(Community
Linkage)
การออกแบบร่างทางเลือกทั้ง
3แบบที่อ้างอิงถึงผังบริเวณที่ดีที่สุดมีรายละเอียดดังนี้
ELEVATION
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น